บทที่ 1 เริ่มต้นกับ JavaScript ดูจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อยนะครับ ถ้าผมเริ่มต้นแบบเดินดุ่มๆ ตั้งหน้าตั้งตาเขียนโปรแกรมให้ดูกัน โดยที่ไม่ได้บอกให้ผู้อ่านทราบเลยว่า JavaScript คืออะไร เขียนแล้วเอาไปใช้กันเว็บเบราเซอร์แบบไหน รวมทั้งกฎกติกาของการใช้ JavaScript เบื้องต้นเป็นอย่างไร เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุกครับ และผมเชื่อว่าความประทับใจตั้งแต่แรกพบ จะทำให้คุณผู้อ่านรัก JavaScript แบบไม่ลืมหูลืมตาเหมือนผม!
บทที่ 2 ใครว่าเรื่องของตัวแปรไม่สำคัญ ผมจำได้ว่า ในสมัยที่ผมเรียนคณิตศาสตร์ชั้นประถม เรื่องสมการและตัวแปร เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากครับ ตัวแปรเป็นอะไรที่น่าสืบเสาะค้นหา ว่าค่าภายในตัวมันเป็นอย่างไร พอมาถึงตอนนี้ได้มาเขียนโปรแกรมและยุ่งเกี่ยวกับตัวแปรอีกครั้ง ตัวแปรกลับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่คิดอีกแล้ว เริ่มตั้งแต่การตั้งชื่อตัวแปร ก็ไม่ใช่จะตั้งสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ยิ่งไปกว่านั้น ค่าภายในตัวแปรก็ไม่เหมือนคณิตศาสตร์ที่มีแต่ตัวเลขภายในเท่านั้น เพราะฉะนั้น เรื่องของตัวแปรคงต้อง ขยาย กันหน่อยครับ
บทที่ 3 โอเปอเรเตอร์ ปฏิบัติการระหว่างตัวแปร ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนเคยสัมผัสกับโอเปอเรเตอร์ (Operator) มาแล้วทุกคน อ๊ะ อ๊ะ โอเปอเรเตอร์ในที่นี้ ไม่ใช่สาวสวยที่คอยต่อโทรศัพท์ให้เรานะครับ อย่าเข้าใจผิด ในทางโปรแกรมแล้ว โอเปอเรเตอร์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็อาทิ การบวก ลบ คูณ หาร การเปรียบเทียบค่า มากกว่าหรือน้อยกว่า เป็นต้น ชักเริ่มคุ้นๆ แล้วใช่มั้ยล่ะ
บทที่ 4 ประโยคคำสั่ง (Statement) ในบางครั้งเราจำเป็นต้องเขียนโปรแกรมให้สามารถเลือกการทำงานได้ โดยมีเงื่อนไขบางอย่างเป็นตัวกำหนดการทำงาน ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้มีอยู่ในภาษาแบบโครงสร้างแทบทุกภาษา JavaScript ก็เช่นกัน ในบทนี้เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยคคำสั่งหลักที่มีใน JavaScript ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำงานตามเงื่อนไข การวนลูปแบบต่างๆ เป็นต้น
บทที่ 5 รวมคำสั่งเข้าด้วยกันเป็นฟังก์ชัน เวลาที่เขียนโปรแกรมอะไรก็ได้ขึ้นมาสักโปรแกรมหนึ่ง ผู้อ่านเคยมั้ยครับ ที่ต้องกลับไปแก้ซอร์ซโค้ดแล้วกลับรู้สึกว่า นี่ใครเขียนกันเนี่ย ดูไม่รู้เรื่องเลย เหลียวซ้ายแลขวาก็ตัวเองนั่นแหละครับเขียนเอง ไม่ต้องไปตำหนิใครเค้า ในบทนี้ผมจะแสดงถึงการจัดกลุ่มคำสั่งให้เป็นหมวดหมู่อยู่ภายในสิ่งที่เรียกว่า ฟังก์ชัน ให้ดูครับ และยิ่งไปกว่านั้น การเขียนโปรแกรมเป็นฟังก์ชันนี้จะช่วยประหยัดซอร์ซโค้ด และทำให้เราไม่ต้องเขียนชุดคำสั่งอะไรที่ซ้ำซากกันอีกด้วย
บทที่ 6 ปูพื้นฐานการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ Object Oriented Programming หรือ OOP เป็นวิธีการเขียนโปรแกรมโดยที่มองสิ่งต่างๆ ในระบบ เช่น ตัวอักษร, รูปภาพ, หน้าต่าง, แบบฟอร์ม ฯลฯ เป็นวัตถุการเขียนโปรแกรมแบบอ้างอิงวัตถุ ก็คือการเอาวัตถุพวกนี้แหละมาใช้งาน หรืออาจจะมีการสร้างวัตถุขึ้นมาใหม่ก็ได้สำหรับในบทนี้ผมขอเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับ OOP ให้อ่านประดับความรู้ไว้ด้วยนะครับ
บทที่ 7 จับความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวด้วย Event Handle รู้สึกแปลกใจบ้างรึเปล่าครับ ที่เว็บไซต์บางแห่งสามารถทำเมนูสวยๆ และโต้ตอบกับเมาส์ของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราเอาเมาส์ไปชี้แล้วเมนูก็เกิดการเปลี่ยนสีบ้าง บางทีก็แตกออกเป็นเมนูย่อยบ้าง เหมือนกับเว็บนั้นรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และสามารถตอบสนองการกระทำของเราได้ เรื่องนี้ไม่ต้องนึกไปไหนไกลครับ เกี่ยวข้องกับความสามารถของ JavaScript ที่เรียกว่า อีเวนต์ (Event) นี่แหละ
บทที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของหน้าต่างและเฟรม ถ้าจะจัดอันดับความคุ้นเคยกับผู้ใช้งานอ็อบเจ็กต์ window น่าจะได้รับคะแนนมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ก็แหม ถ้าไม่มี window แล้วอ็อบเจ็กต์อื่นๆ จะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะครับ เปรียบเหมือนกับมีนักกีฬาว่ายน้ำแต่ไม่มีสระว่ายน้ำ มีนักฟุตบอลแต่ไม่มีสนามฟุตบอล ดังนั้นก่อนที่เราจะไปจัดการกับอ็อบเจ็กต์อื่นๆ ผมว่าเรามารู้จัก window กันให้ดีก่อนดีกว่า
บทที่ 9 อ็อบเจ็กต์ document คือหน้าตาของเว็บเพจ ในบทที่ผ่านๆ มา เรามีโอกาสได้ใช้อ็อบเจ็กต์ document กันอยู่เป็นประจำเกือบทุกตัวอย่าง โดยเฉพาะเมธอด write() ที่ใช้สำหรับแสดงผลข้อความบนเว็บเพจ แต่อ็อบเจ็กต์ document ไม่ได้มีแค่เพียงเมธอดเดียวเท่านี้นะครับ ยังมีทั้งพรอเพอร์ตีและเมธอดอีกหลายตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
บทที่ 10 ข้อมูลและช่องรับข้อมูลในฟอร์ม ช่องรับข้อมูลหรือฟอร์ม เป็นสิ่งหนึ่งที่นักพัฒนาเว็บนิยมนำมาประยุกต์ใช้งานกับ JavaScript สาเหตุหนึ่ง ก็น่าจะเป็นเพราะฟอร์มสามารถประยุกต์เข้ากับ JavaScript ได้อย่างลงตัวและเกิดผลลัพธ์ที่หลากหลาย ดังนั้นในบทนี้ ผมจึงขออนุญาตนำเรื่องของฟอร์ม มาอธิบายประกอบกับตัวอย่างให้ดูกันอย่างละเอียด ไม่แน่นะครับ สิ่งที่ผู้อ่านสงสัยมานานแสนนาน เกี่ยวกับลูกเล่นของฟอร์มที่เคยเจอะเจอมา อาจจะมีคำเฉลยอยู่ในบทนี้ก็ได้
บทที่ 11 รวมลิงก์อุตลุด เห็นชื่อบทแล้ว อย่าคิดว่าบทนี้จะเป็นบทรวมลิงก์เว็บไซต์ของ JavaScript นะครับ ลิงก์ในที่นี้ที่ผมจะกล่าวถึงจะเป็นเรื่องทุกแง่มุมของอ็อบเจ็กต์ location, อ็อบเจ็กต์ link และ อ็อบเจ็กต์ทุกตัวที่เกี่ยวข้องกับการสร้างลิงก์ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนั้นแล้ว บทนี้ยังมีตัวอย่างสคริปต์การเปลี่ยนปุ่มหรือ Roll Over ที่เป็นสคริปต์ยอดฮิต ให้ผู้อ่านศึกษาด้วย
บทที่ 12 ภาพ 1 ภาพมีความหมายกว่าคำพันคำ ในบทนี้จะเป็นเรื่องของการประยุกต์ใช้ภาพกับ JavaScript ครับ ตั้งแต่การสร้างลิงก์กับภาพ การทำภาพเคลื่อนไหวด้วย JavaScript และที่สำคัญ ผมมีเกมสนุกๆ ชื่อเกมต่อภาพปริศนามาให้เขียนเล่นกันด้วย บทนี้ทั้งหมด แค่เกมอย่างเดียวก็คุ้มค่าแสนจะคุ้มในการอ่านแล้วครับ
บทที่ 13 อ็อบเจ็กต์ Math และ String ผู้ช่วยพระเอก จะว่าไปแล้วอ็อบเจ็กต์ Math และ String ไม่ค่อยทำอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราวกลายเป็นสคริปต์เจ๋งๆ หรอกครับ เพราะฉะนั้น บทนี้ก็คงจะไม่มีเกมสนุกๆ หรือสุดยอดเทคนิคอะไรมากมาย แต่...ในทางกลับกัน ก็ใช่ว่าอ็อบเจ็กต์ 2 ตัวนี้จะไม่มีประโยชน์นะครับ สุดยอดสคริปต์ไหนที่ไม่ใช้เจ้า 2 อ็อบเจ็กต์นี้ร่วมเข้าไปด้วย มันจะกลายเป็นสคริปต์ที่จืดชืดสนิททันที จะเปรียบก็เหมือนกับพระเอกไม่มีผู้ช่วย โดนผู้ร้ายเล่นงานอานแน่
บทที่ 14 จัดหน้าเว็บเพจได้ดังใจถ้าใช้เลเยอร์ มือกราฟิกมักจะชอบจัดหน้าตาเว็บเพจด้วยเลเยอร์ครับ เค้าว่ามันสะดวก และวางเลย์เอาต์ได้ง่ายกว่า ผมก็เห็นด้วยเรื่องนี้ แต่สำหรับผมแล้วเลเยอร์ยังมีประโยซน์อีกหลายอย่าง อย่างบทนี้ผมจะนำเลเยอร์มาประกอบเป็นงานพรีเซนเทชันเก๋ๆ ผ่านเว็บ หรืออาจจะเป็นการทำแอนิเมชันแบบหลุดโลกสไตล์ผมก็ได้ ผู้อ่านอยากรู้มั้ยครับว่าหลุดโลกอย่างไร
บทที่ 15 เติมความสามารถพิเศษให้เว็บเพจด้วยปลั๊กอิน เมื่อเราต้องการให้เว็บเพจ สามารถแสดงผลด้วยอะไรที่มากกว่าภาพและตัวอักษรธรรมดา อย่างเช่น เสียง หรือภาพเคลื่อนไหวในลักษณะของภาพวิดีโอ เราจะต้องแทรกโปรแกรมพิเศษที่เรียกกันว่า ปลั๊กอิน เข้าไปยังเว็บเพจ JavaScript เองก็มีคำสั่งที่ใช้ควมคุมปลั๊กอินต่างๆ เหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน
บทที่ 16 สไตล์ชีตในแบบฉบับของ JavaScript นักพัฒนาเว็บส่วนใหญ่ จะใช้สไตล์ชีตในการกำหนดรูปแบบเอกสารทั้งหมดภายในเว็บเพจ ด้วยเหตุผลที่สไตล์ชีตจะช่วยประหยัดซอร์ซโค้ด อีกทั้งยังจัดตัวอักษรข้อความ ฟอร์มหรือวัตถุใดๆ ด้วยความละเอียดที่มากกว่าการกำหนดจาก HTML ธรรมดา สไตล์ชีตที่ว่านี้ คนทั่วไปมักจะคิดว่ามีเฉพาะ CSS (Cascading Style Sheet) เท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ JavaScript เอง ก็มีสไตล์ชีตเหมือนกัน
|
||||
Copyright © 2000, Witty Group Co., Ltd. |